เท้าเป็นอวัยวะที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงโดยตรงในงานอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจที่ต้องปฏิบัติงานในไซต์งานต่าง ๆ เช่น วัตถุตกหล่น สารเคมีรั่วไหล หรือชิ้นส่วนมีคม ที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงและส่งผลต่อความต่อเนื่องของงาน การสวมใส่รองเท้าเซฟตี้หรือรองเท้านิรภัยที่ได้มาตรฐานจึงเป็นหนึ่งในแนวทางหลักเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและลดโอกาสบาดเจ็บ
รองเท้าเซฟตี้และรองเท้านิรภัยคืออะไร ?
รองเท้าเซฟตี้หรือรองเท้านิรภัย คือ รองเท้าที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับเท้าในสถานที่ทำงาน ซึ่งจะใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงในการผลิต โดยเฉพาะบริเวณหัวเท้าที่สามารถช่วยป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นขณะปฏิบัติงาน
คุณสมบัติพื้นฐานตามมาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ ประกอบด้วย
- หัวรองเท้าที่แข็งแรงป้องกันการกระแทก – ทำจากเหล็กกล้า คอมโพสิต หรือพลาสติกเสริมแรง เพื่อป้องกันนิ้วเท้าจากวัตถุหนักที่ตกหล่นหรือการกดทับ
- พื้นรองเท้าที่ต้านทานการเจาะทะลุ – มีแผ่นเหล็กหรือวัสดุพิเศษฝังอยู่ในพื้นรองเท้า เพื่อป้องกันตะปู เศษแก้ว หรือวัตถุมีคมที่อาจเจาะทะลุขึ้นมา
- เป็นวัสดุกันน้ำและสารเคมี – ใช้หนังแท้หรือวัสดุสังเคราะห์ที่ผ่านการเคลือบพิเศษ เพื่อป้องกันการซึมผ่านของน้ำ น้ำมัน และสารเคมีต่าง ๆ
- การออกแบบที่เหมาะสมต่อการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย – รวมถึงการระบายอากาศที่ดี น้ำหนักที่เหมาะสม และรูปทรงที่สนับสนุนการเคลื่อนไหว
รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก
รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กมีลักษณะเด่นคือ มีส่วนหัวรองเท้าทำจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูง สามารถทนต่อแรงกระแทกและแรงอัดได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยป้องกันเท้าจากการบาดเจ็บเมื่อมีวัตถุหนักตกใส่หรือถูกกดทับ
ความโดดเด่นของรองเท้าหัวเหล็กคือ ความสามารถในการรับแรงกระแทกได้สูง ป้องกันของมีคมที่อาจเจาะทะลุ และให้การคุ้มครองที่ดีกว่ารองเท้าแบบหัวพลาสติกหรือคอมโพสิต แม้ว่าจะมีน้ำหนักมากกว่าแต่ก็ให้ความปลอดภัยที่เหนือกว่า
มาตรฐานรองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก
มาตรฐาน มอก. 523-2564 (มาตรฐานไทย)
มาตรฐาน มอก. 523-2564 เป็นมาตรฐานไทยสำหรับรองเท้าเซฟตี้ที่กำหนดคุณสมบัติและวิธีการทดสอบ โดยกำหนดให้หัวเหล็กต้องทนแรงกระแทก 200 จูล และแรงอัด 15,000 นิวตัน
การทดสอบและการรับรองจะดำเนินการโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) โดยรองเท้าที่ผ่านการทดสอบจะได้รับเครื่องหมายและฉลากมาตรฐาน มอก. เพื่อแสดงว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตามที่กำหนด
มาตรฐาน ISO 20345:2022 (มาตรฐานสากล)
มาตรฐาน ISO 20345:2022 เป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก มีการจำแนกประเภทเป็น Class I สำหรับรองเท้าหนังและวัสดุอื่น และ Class II สำหรับรองเท้ายางและพอลิเมอร์
ระดับการป้องกันแบ่งเป็น SB (พื้นฐาน), S1 (กันไฟฟ้าสถิต), S1P (เพิ่มป้องกันเจาะทะลุ), S2 (กันน้ำ), และ S3 (ครบทุกคุณสมบัติ) การทดสอบครอบคลุมแรงกระแทก แรงอัด ความต้านทานการเจาะทะลุ และการกันลื่น
คุณสมบัติเสริมและสัญลักษณ์มาตรฐาน
คุณสมบัติเสริมที่สำคัญและมีประโยชน์ในการทำงาน ประกอบด้วย
- กันไฟฟ้าสถิต (A) – ป้องกันการสะสมไฟฟ้าสถิต
- กันลื่น (SRA/SRB/SRC) – ทดสอบบนพื้นผิวต่าง ๆ
- ทนความร้อน (HRO) – ทนความร้อนสัมผัส 300°C
- กันน้ำมัน (FO) – ป้องกันการซึมผ่านของน้ำมันปิโตรเลียม
การเปรียบเทียบมาตรฐานรองเท้าเซฟตี้และแนวทางเลือกใช้
การเลือกใช้มาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรในการตัดสินใจจัดซื้อ เนื่องจากแต่ละมาตรฐานมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้เลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ
ความแตกต่างหลักระหว่างมาตรฐาน
มาตรฐาน มอก. 523-2564 (มาตรฐานไทย)
- เฉพาะเจาะจงสำหรับประเทศไทย
- กำหนดค่าพื้นฐานชัดเจน เช่น หัวเหล็กทนแรงกระแทก 200 จูล และแรงอัด 15,000 นิวตัน
- เน้นความเรียบง่ายและใช้งานง่าย
- ราคาประหยัดกว่า เหมาะสำหรับธุรกิจ SME และงานทั่วไป
มาตรฐาน ISO 20345:2022 (มาตรฐานสากล)
- เป็นที่ยอมรับและใช้งานได้ทั่วโลก
- จำแนกประเภทละเอียด: Class I (หนังและวัสดุอื่น) และ Class II (ยางและพอลิเมอร์)
- ระดับการป้องกันหลากหลาย: SB, S1, S1P, S2, S3
- คุณสมบัติเสริมครบถ้วน เหมาะสำหรับงานที่มีความเสี่ยงสูง
แนวทางเลือกใช้มาตรฐานรองเท้าเซฟตี้
- สำหรับธุรกิจท้องถิ่นและ SME ที่ต้องการความประหยัด มาตรฐาน มอก. เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ในขณะที่บริษัทข้ามชาติหรือธุรกิจที่ต้องการมาตรฐานสากล ควรเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 20345
- ดูถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงหรือไม่ เช่น งานเคมี ปิโตรเคมี หรืองานที่ต้องการคุณสมบัติเสริมพิเศษ ควรใช้ ISO 20345 เนื่องจากมีตัวเลือกที่หลากหลาย
- ด้านงบประมาณ รองเท้ามาตรฐาน ISO มักมีราคาสูงกว่า แต่ให้การป้องกันที่ครบถ้วนและยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า
อุตสาหกรรม/ธุรกิจที่ควรใช้รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กและรองเท้านิรภัย
ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต้องใช้รองเท้าเซฟตี้ เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ได้แก่
- งานก่อสร้าง
- โรงงานผลิตและอุตสาหกรรมการผลิต
- งานเหมืองแร่
- โรงงานอุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมี
- งานซ่อมบำรุงและโลจิสติกส์
- การขนส่งและคลังสินค้า
- ธุรกิจอาหารและบริการที่มีความเสี่ยงจากอุปกรณ์หนัก
คุณประโยชน์ของรองเท้านิรภัย
รองเท้าเซฟตี้ให้คุณประโยชน์หลากหลายในการปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ดังนี้
- ลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ เช่น การโดนวัตถุตกใส่หรือเจอของมีคม
- ลดการเจาะทะลุจากตะปูและเศษเหล็ก
- ปกป้องจากสารเคมีและไฟฟ้า
- เสริมสร้างความมั่นใจในการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น
วิธีเลือกใช้รองเท้าเซฟตี้ให้เหมาะกับแต่ละธุรกิจ
การเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยสำคัญ ดังนี้
- วิเคราะห์งานและความเสี่ยงที่เผชิญ
- เลือกประเภทและวัสดุของรองเท้าให้เหมาะสม
- ตรวจสอบมาตรฐานและการรับรอง
- พิจารณาความสะดวกสบายในการใช้งานและการดูแลรักษา
รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก เลือกซื้อที่ Esco Premium
รองเท้าสำหรับงานเซฟตี้ โดยเฉพาะรองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กและรองเท้านิรภัยที่ผ่านมาตรฐานระดับสากล จะช่วยปกป้องแรงกระแทก การเจาะทะลุ รวมถึงความเสี่ยงต่ออันตรายจากไฟฟ้าและสารเคมี Esco Premium มีรองเท้าเซฟตี้และรองเท้าเซฟตี้หัวเหล็กคุณภาพสูง เหมาะกับงานอุตสาหกรรมทุกประเภท สอบถามเพิ่มเติมหรือติดต่อขอใบเสนอราคาได้ที่ Esco Premium เพื่อให้พนักงานของคุณปลอดภัยในทุกสถานการณ์
สอบถามเพิ่มเติมหรือติดต่อขอใบเสนอราคาได้ที่
Line : @escopremium
Tel : 02-509-0099
E-mail : escopremium@escopremium.com
แหล่งอ้างอิง